- 現在地
- HOME
- Thailand
Shin-Yokohama Ramen Museum
Contents
Shop List
ชื่อร้าน: Ryushanhai-honten
ราเม็งเต้าเจี้ยวเข้มข้นน้ำซุปประเภทปลาเพียงหนึ่งเดียว
ร้านราเม็งที่มีแฟนๆจำนวนมากร้านนี้ มีความพิเศษอยู่ที่น้ำซุปเข้มข้นที่ทำจากกระดูกหมู กระดูกไก่ และส่วนประกอบจำพวกปลา ประกอบกับเส้นใหญ่พิเศษที่พับซ้อนกันถึง 32 ชั้น "คารามิโซะราเม็ง" เป็นราเม็งที่เสิร์ฟพร้อมกับมีเต้าเจี้ยวแบบเผ็ดสีแดงใส่เป็นท็อปปิ้งอยู่เลย ซึ่งเป็นแบบฉบับที่ไม่มีใครเหมือน
Rishiri Ramen Miraku
ซุปชั้นเยี่ยมเคี่ยวจาก "สาหร่ายทะเลริชิริ"
ร้านนี้ต้องนั่งเครื่องบินและต่อเรือเฟอรี่อีกรวม8ชั่วโมง ร้านสาขาใหญ่เปิดบริการเพียง 2 ชั่วโมง30นาที “ราเม็งจากเกาะ” ที่กินได้ยากลำบากเป็นอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น?มาเปิดภายในพิพิธภัณฑ์ราเม็ง “ราเม็งราดซอสโชยุเผา” ซึ่งน้ำซุปชั้นเยี่ยมได้จากการเคี่ยว “สาหร่ายทะเลริชิริ” หนึ่งในสามสาหร่ายดังของญี่ปุ่นแบบเน้นๆ ใช้เส้นราเม็งชนิดหยิกขนาดกลางลวกแบบสุก ร้านนี้ได้รับรางวัล Bib Gourmand จาก Michelin Guide
ราเม็งราดซอสโชยุเผา
ริวคิวชินเม็ง ทอนโด
ราเม็งบูมในโอกินาว่าเริ่มมาจากที่นี่
"ทอนโด" ถือกำเนิดขึ้นจาก "โครงการสร้างราเม็งท้องถิ่นใหม่"
ซึ่งเป็นโครงการของพิพิธภัณฑ์ราเม็งที่จะนำเสนอราเม็งใหม่ ๆ
ให้กับท้องถิ่นที่ยังไม่มีราเม็งของตัวเอง ชิโอะราเม็ง (ราเม็งรสเกลือ)
รสเข้มข้นแต่ให้ความสดชื่นที่ใช้วัตถุดิบทำอาหารของโอกินาว่า
ได้เติบโตและพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องในโอกินาว่า
*กลางคืนเป็นร้านเหล้าแบบญี่ปุ่น (อิซากายะ) (กรุณาดูรายละเอียดด้านหลัง)
ชื่อร้าน: Komurasaki
ร้านต้นตำหรับราเม็งซุปกระดูกหมูในคุมาโมโตะคิวช
ร้านราเม็งที่มีประวัติการก่อตั้งในปี 1954 น้ำซุปมีรสนุ่มกลมกล่อมโดยใช้กระดูกหมูเป็นหลักแล้วเสริมด้วยกระดูกไก่และผัก ใส่น้ำมันปรุงรสแบบพิเศษและกระเทียมคั่วลงไป ทำให้เกิดกลิ่นหอมที่กระตุ้นความอยากอาหาร
ฮัจจังราเม็ง: Hacchan Ramen
ทงคตสึราเม็งรสเข้มข้นมาก มีแถวรอแม้ยามกลางดึก
ตั้งแต่เริ่มเปิดกิจการในปี 1968ด้วยสาขาต้นตำรับเพียงสาขาเดียวมาตลอด 50 ปี แม้จะเปิดทำการเพียงตั้งแต่
3 ทุ่มไปจนถึงตี 2 ครึ่ง ซึ่งเป็นเวลาที่หาลูกค้าได้ยาก แต่ก็มีคนมากมายทั้งคนในพื้นที่และคนจากต่างจังหวัดมาเยือน
ติดต่อกันทุกวันทุกคืน สิ่งที่น่าสนใจที่สุดก็คือรสชาติที่เข้มข้นมากและมีเอกลักษณ์ มีแฟนจำนวนมากที่ติดอก
ติดใจหลังจากที่ได้รับประทานไปแล้วครั้งหนึ่งและเป็นที่นิยมมากจนถึงขนาดมีผู้คนที่อุตส่าห์นั่งรถแท็กซี่มา
รับประทานหลังรถไฟรอบสุดท้ายหมดเลยทีเดียว
พิพิธภัณฑ์ราเม็งแห่งเมืองชินโยโกฮาม่าคือ
พิพิธภัณฑ์ราเม็งแห่งเมืองชินโยโกฮาม่าคือ พิพิธภัณฑ์ราเม็งแห่งเมืองชินโยโกฮาม่าก่อตั้งขึ้นในวันที่ 6 มีนาคม 1994 โดยเป็นอุทยานอาหารแห่งแรกของโลก พวกเราเริ่มต้นจากความคิดที่จะทำให้สามารถลิ้มรสราเม็งชื่อดังจากเมืองต่างๆทั่วประเทศญี่ปุ่นได้ในที่เดียวโดยไม่ต้องขึ้นเครื่องบินไป จนครบรอบ 20 ปีนี้ เราได้ขยายพื้นที่จากที่ต่างๆทั่วญี่ปุ่นไปเป็นทั่วโลก เพื่อนำเสนอความน่าสนใจของราเม็งไปยังทุกๆท่านได้มากขึ้น ร้านราเม็ง 9 ร้านถูกออกแบบตามรูปแบบเมืองในญี่ปุ่นปี 1958 ซึ่งเป็นปีที่มีการคิดค้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปขึ้น
RA-HAKU TV
It's an internet TV program shot, edited and of course planned entirely by Shinyokohama Ramen Museum. The program presents a vast store of knowledge on ramen. Here you can learn all about ramen from ramen world affairs, ramen history in Japan, to spotlights on famous shops.
Floor Guide

มุมเรียนรู้เกี่ยวกับ "ราเม็ง" โดยเน้นประวัติศาสตร์ที่ใช้เวลาสำรวจถึง 25 ปี ตั้งแต่ชูคะเม็งยุคมุโรมาจิที่ค้นพบใหม่ ตลอดจนการอธิบายเกี่ยวกับยุคเริ่มต้นของราเม็ง ฯลฯ

มีขายราเม็งสำหรับนำกลับบ้านจากหลากหลายที่ทั่วประเทศ รวมถึงตะเกียบ ชาม และอุปกรณ์ทำอาหารเฉพาะทางนานาชนิด และยังมีมุม "My Ramen" ที่สามารถทำราเม็งพิเศษเฉพาะของตัวเองเท่านั้นได้ด้วย นอกจากนี้ยังมีสินค้าอื่นๆ อาทิเช่น ขนม เครื่องเขียน ที่ถูกจัดทำขึ้นพิเศษภายใต้หัวข้อ "ราเม็ง" และ "โชวะ"

เป็น "คาเฟ่" แบบโบราณของญี่ปุ่น ด้วยบรรยากาศที่เงียบสงบจึงเป็นพื้นที่สำหรับพักผ่อนได้ดี มีเมนูเครื่องดื่มทั่วไป สุรา และอาหารเบาๆ และสามารถสั่งเมนูยอดฮิต "ฮอกไกโดซอฟท์ครีม" กลับบ้านได้ด้วย

คนญี่ปุ่นส่วนมากจะมีความทรงจำของตอนที่ไปซื้อของที่ร้านขนมตอนเด็กๆอยู่ ร้านนี้ได้จำลองสภาพ "ที่พบปะสังสรรค์ของเด็กๆ" ซึ่งก็คือร้านขนมที่ทุกๆคนมารวมตัวกันหลังเลิกเรียน ขนมและของเล่นกว่า 300 ชนิดที่วางเรียงอยู่ในร้านแคบๆนี้ทำให้ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ก็รู้สึกตื่นเต้นไปกับมัน
●ประวัติของราเม็ง
ราเม็งถือกำเนิดขึ้นโดยมีรากฐานมาจากอาหารประเภทเส้นของประเทศจีน และมาผสมผสานเข้ากับวัฒนธรรมการกินของญี่ปุ่น
ในปี 1859 ญี่ปุ่นได้เปิดท่าเรือ ทำให้มีคนจีนจำนวนมากเข้ามาในญี่ปุ่นในฐานะของล่ามแปลภาษาตะวันตก มีการก่อตั้งเขตที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติในเมืองท่าสำคัญๆ และพร้อมกันนั้นก็มีร้านอาหารจีนเกิดขึ้นติดๆกันจนกลายเป็น "ไชน่าทาวน์" ในไชน่าทาวน์นั่นเองที่มีการขายอาหารประเภทเส้นซึ่งกลายมาเป็นราเม็งในเวลาต่อมา จนกระทั่งคนญี่ปุ่นเองก็เริ่มกินอาหารจีนกัน และนำเอาอาหารประเภทเส้นมาตั้งเป็นร้านแยกต่างหากหรือร้านราเม็งขึ้น
ข้อแตกต่างระหว่างอาหารประเภทเส้นของจีนกับราเม็งอยู่ที่ DASHI (น้ำซุป) อาหารจีนไม่ได้ใช้ซุปในอาหารประเภทเส้นเท่านั้น แต่ยังใช้ในอาหารประเภทอื่นๆด้วย แต่ราเม็งจะใช้ซุปที่ทำขึ้นมาเพื่อราเม็งโดยเฉพาะ ซุปของราเม็งจะมีส่วนประกอบอย่างน้อย 5 ชนิด จนถึงมากกว่า 40 ชนิดเลยทีเดียว จึงทำให้ซุปราเม็งเป็นเสมือนหีบสมบัติของ UMAMI (ความอร่อย) ที่ดึงดูดความสนใจของโลกได
●ชนิดของราเม็ง
・เส้น
ส่วนประกอบหลักของเส้นคือ ข้าวสาลี น้ำด่าง น้ำ รวมถึงเกลือและไข่ เป็นต้น ซึ่งจะถูกแบ่งด้วย 5 จุดสำคัญคือ "ชนิดของแป้งสาลี" "ขนาด" "ปริมาณน้ำ (ที่รวมอยู่ในเส้น)" "ความหยิก (ลักษณะ)" และ "สี" รสชาติจะเปลี่ยนไปตามการประกอบสิ่งเหล่านี้เข้าด้วยกัน ร้านส่วนมากจะปรับเส้นให้เข้ากับน้ำซุป เช่นการเปลี่ยนรูปแบบเส้นตามรสชาติ ซุปที่มีรสเบาจะใช้เส้นหยิก รสเข้มข้นจะใช้เส้นตรง เส้นที่คุณชอบเป็นแบบไหน? ・ ซุป
Thin Noodles
Thick Noodles
Wrinkled Noodles
Hirauchi Noodles
・ซุป
ซุปที่ได้มาจากการดึงเอารสชาติความอร่อยจากส่วนประกอบนานาชนิดเป็นหัวใจของรสชาติของราเม็ง ซุปจะได้มาจากน้ำซอสที่มีส่วนประกอบพื้นฐานคือ "เกลือ" "โชยุ (ซีอิ้ว)" "มิโซะ (เต้าเจี้ยว)" โดยทั่วไปจะนำมารวมกับกระดูกหมูหรือไก่เป็นซุปประเภทสัตว์ ใช้ปลาแห้งหรือสาหร่ายเป็นซุปประเภทอาหารทะเล หรือเป็นซุปที่นำมาประกอบกับผักผลไม้ ไม่มีกฏอะไรในการทำน้ำซุป ซุปที่ใช้แต่ไก่อย่างเดียวหรือกระดูกหมูอย่างเดียวก็ม
・เครื่อง
เครื่องที่ใส่ในราเม็งก็ไม่มีกฏอะไรบังคับ แต่ส่วนมากจะเป็น ชาชู(หมูหมัก) เมมมะ(หน่อไม้ดอง) ต้นหอม ไข่ต้มและสาหร่าย นอกจากนี้ก็ยังมีข้าวโพด วาคาเมะ(สาหร่ายประเภทหนึ่ง) และเนย เป็นต้น เครื่องที่ใส่จะเปลี่ยนตามความพิเศษเฉพาะของท้องที่นั้นๆหรือตามความคิดของเจ้าของร้าน
Chashu
Bamboo Shoots
Simmered Eggs
Naruto (fish Cakes)
●ราเม็งท้องถิ่นในญี่ปุ่น
อาหารประเภทเส้นที่ได้รับมาจากจีนได้แพร่ขยายไปยังที่ต่างๆ และผสมผสานเข้ากับภูมิอากาศ สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติและวัฒนธรรมการกินของท้องที่นั้นๆ กลายมาเป็นราเม็งประจำท้องถิ่น ซึ่งอาจจะยากที่จะให้นิยามมันได้ แต่ในญี่ปุ่นมีราเม็งท้องถิ่นอยู่อย่างน้อย 30 ชนิดเลย การกินเทียบรสชาติของแต่ละที่ ก็เป็นความน่าสนใจอย่างหนึ่งของราเม็งเช่นกัน
●ราเม็งท้องถิ่นทั่วโลก
ในตอนนี้ ราเม็งที่กำเนิดขึ้นในญี่ปุ่นได้ออกไปตีตลาดโลก เกิดเป็นราเม็งบูมในหลายๆประเทศ เช่น ฝรั่งเศส เยอรมัน อเมริกา ออสเตรเลีย เป็นต้น ปัจจุบันราเม็งสไตล์ญี่ปุ่นได้กระจายออกไปทั่วโลก แต่ก็เช่นเดียวกับที่เกิดในญี่ปุ่น ได้มีการผสมผสานเข้ากับภูมิอากาศ สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติและวัฒนธรรมการกินของท้องที่นั้นๆ กลายมาเป็นราเม็งประจำท้องถิ่นทั่วโลกไป
Ramen Manual
ที่ตั้ง
Address
〒222-0033 2-14-21 Shin-Yokohama, Kohoku-ku, Yokohama-shi, Kanagawa
TEL: +81-45-471-0503
การเดินทาง
●สนามบินฮาเนดะ→พิพิธภัณฑ์ราเม็งแห่งเมืองชินโยโกฮาม่า
ใช้เวลา: ประมาณ 45 นาที
สนามบินฮาเนดะ→ (รถบัสรินโค / รถบัสเคคิว) ชินโยโกฮาม่า→ (เดิน) พิพิธภัณฑ์ราเม็งแห่งเมืองชินโยโกฮาม่า
●โยโกฮาม่า→พิพิธภัณฑ์ราเม็งแห่งเมืองชินโยโกฮาม่า
ใช้เวลา: ประมาณ 15 นาทีโยโกฮาม่า→ (รถไฟฟ้าใต้ดินโยโกฮาม่าชิเอ) ชินโยโกฮาม่า→ (เดิน ทางออกหมายเลข 8) พิพิธภัณฑ์ราเม็งแห่งเมืองชินโยโกฮาม่า
●ชินจูกุ→พิพิธภัณฑ์ราเม็งแห่งเมืองชินโยโกฮาม่า
ใช้เวลา: ประมาณ 50 นาท
ชินจูกุ→ (JR สายยามาโนเตะ) ชิบูย่า → (สายโตคิวโตโยโกะ) →คิคุนะ→ (JR สายโยโกฮาม่า)
ชินโยโกฮาม่า→ (เดิน) พิพิธภัณฑ์ราเม็งแห่งเมืองชินโยโกฮาม่า
Admission Fee
อัตราค่าเข้าชม
ผู้ใหญ่ (12 ปี - ต่ำกว่า 60 ปี) 310yen กลุ่ม (15 คนขึ้นไป) 260yen
เด็ก (6 ปี - ต่ำกว่า 12 ปี) & ผู้สูงอายุ (ตั้งแต่ 60 ปี ขึ้นไป) 100yen Free. กลุ่ม (15 คนขึ้นไป) 50yen
ผู้สูงอายุ (ตั้งแต่ 60 ปี ขึ้นไป) 100yen กลุ่ม (15 คนขึ้นไป) 50yen
เด็กเล็ก (ต่ำกว่า 6 ปี) ฟร
Business Hours
เวลาเปิดทำการ 11:00-22:00
วันหยุด วันหยุดปีใหม่
หมดเวลาสั่งอาหารก่อนร้านปิด 30 นาท
※ กรุณาดูพาสเวิร์ดจากป้ายในพิพิธภัณฑ์หรือสอบถามจากเจ้าหน้าท
Rules (So every guest can enjoy the Raumen Museum)
- กรณีที่ร้านเต็ม ขอให้เข้าแถวรอ โดยไม่มีการรับจองที่นั่ง
- ร้านราเม็งทุกร้านจะมีมินิราเม็ง (ขนาดเล็ก) ด้วย ผู้เข้าชมที่เป็นผู้ใหญ่จะต้องสั่งราเม็งอย่างน้อยคนละหนึ่งชาม
- ห้ามสูบบุหรี่ภายในพิพิธภัณฑ์ ※ยกเว็นใน Kateko (BF1)
- ผู้เข้าชมสามารถถ่ายรูปเป็นที่ระลึกได้ แต่การถ่ายเพื่อธุรกิจจำเป็นต้องขออนุญาตจากทางพิพิธพัณฑ์ก่อนล่วงหน้า
- ผู้เข้าชมสามารถกลับเข้ามาในพิพิธภัณฑ์ได้ภายในวันเดียวกัน โดยให้แจ้งเจ้าหน้าที่ที่ประตูทางออกทราบและแสดงบัตรเข้าชม เจ้าหน้าที่จะปั้มตราสัญลักษณ์ที่หลังมือของท่าน เมื่อกลับเข้ามาที่พิพิธภัณฑ์เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบตราด้วยแบล็คไลท์